ทำความเข้าใจการรีเซ็ตแรงก์ Cycle 8 Season 25
การรีเซ็ตแรงก์ใน Season 25 จะเกิดขึ้นทุกๆ สองเดือน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่สดใหม่และป้องกันปัญหาแรงก์เฟ้อ การรีเซ็ตนี้จะส่งผลต่อผู้เล่นทุกคนตั้งแต่ระดับ Bronze ไปจนถึง Conqueror พร้อมกันในทุกเซิร์ฟเวอร์ภูมิภาค
Royale Pass A16 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 มกราคม 2026 และ Royale Pass A17 จะเปิดตัวในช่วงวันที่ 13-15 มกราคม 2026 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความคืบหน้าในโหมดจัดอันดับจะถูกรีเซ็ตตามสูตรการคำนวณที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ซื้อ PUBG Mobile UC สำหรับ Mythic Forge ผ่าน BitTopup เพื่อรับราคาที่คุ้มค่าและการจัดส่งที่รวดเร็วทันใจเมื่อ Season 25 เริ่มต้นขึ้น
การรีเซ็ตแรงก์ (Tier Reset) คืออะไร?
PUBG Mobile ใช้ระบบ Soft Reset หรือการลดระดับแรงก์อย่างเป็นระบบโดยอิงจากแรงก์สุดท้ายของซีซันก่อนหน้า ซึ่งแตกต่างจากการล้างค่าใหม่ทั้งหมด วิธีนี้ช่วยรักษาสมดุลระหว่างความยุติธรรมในการแข่งขันและการรักษาฐานผู้เล่นเดิมเอาไว้
การรีเซ็ตจะส่งผลต่อทุกโหมดแยกกัน: ทั้งโหมด Solo, Duo และ Squad ในมุมมอง TPP และ FPP จะมีการจัดอันดับแยกจากกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ระดับ Conqueror ในโหมด Squad TPP แต่อยู่ระดับ Crown ในโหมด Solo FPP ผลลัพธ์การรีเซ็ตในแต่ละโหมดก็จะแตกต่างกันไป
คำศัพท์ Cycle 8 vs Season 25
Season 25 หมายถึงช่วงเวลาการแข่งขันโดยรวม ส่วน Cycle 8 หมายถึงรอบการนับเฉพาะเจาะจง ซึ่งทั้งสองคำนี้อ้างอิงถึงช่วงเวลาเดียวกันในเดือนมกราคม 2026
แต่ละซีซันจะกินเวลาประมาณ 2 เดือน ได้แก่: มกราคม, มีนาคม, พฤษภาคม, กรกฎาคม, กันยายน และพฤศจิกายน จังหวะเวลาแบบรายสองเดือนนี้ช่วยให้ผู้เล่นสามารถวางแผนกลยุทธ์เพื่อไต่แรงก์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันรีเซ็ตอย่างเป็นทางการ
Season 25 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 13-15 มกราคม 2026 หลังจากที่ Royale Pass A16 สิ้นสุดลงในวันที่ 10 มกราคม การรีเซ็ตจะเกิดขึ้นระหว่างการปิดปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ โดยกระดานผู้นำ (Leaderboards) จะอัปเดตทุกวันเวลา 00:20 UTC (07:20 น. ตามเวลาประเทศไทย)
เซิร์ฟเวอร์ในแต่ละภูมิภาคจะรีเซ็ตพร้อมกันเพื่อความยุติธรรมในการแข่งขัน ทั้งเอเชีย, ยุโรป และอเมริกาเหนือ จะเริ่ม Season 25 ไปพร้อมๆ กัน
ทำไม Tencent ถึงต้องรีเซ็ตแรงก์
การรีเซ็ตช่วยป้องกันภาวะแรงก์หยุดนิ่ง ซึ่งเป็นสภาวะที่ผู้เล่นระดับท็อปสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนปิดกั้นโอกาสของผู้แข่งขันหน้าใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างช่วงเวลาที่มีผู้เล่นเข้าใช้งานสูงสุดอย่างสม่ำเสมอ และแก้ไขปัญหาทักษะเฟ้อ (Skill Inflation) เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกระจายตัวของผู้เล่นในแต่ละระดับอย่างเหมาะสม
ตารางสรุปการลดระดับแรงก์สำหรับ Season 25

การลดระดับของแรงก์ Conqueror
ระดับ Conqueror (ผู้เล่นท็อป 500 ของแต่ละภูมิภาคในแต่ละโหมด) จะถูกรีเซ็ตกลับไปที่ Platinum I หรือ II ตามกฎการเปลี่ยนระดับของ Ace โดยผู้เล่น Conqueror อันดับ 1 ที่มีคะแนน 7000+ จะถูกรีเซ็ตไปอยู่ในระดับเดียวกับผู้เล่น Ace 6 ดาวขึ้นไปที่มีคะแนน 5000 แต้ม
โดยปกติแล้ว อดีตผู้เล่นระดับ Conqueror จะสามารถไต่แรงก์กลับขึ้นมาจาก Platinum ได้ภายใน 15-25 แมตช์ เนื่องจากมีทักษะการเล่นที่เหนือกว่า
เพื่อรักษาสถานะ Conqueror ไว้ คุณต้องเล่นให้ครบอย่างน้อย 5 แมตช์หลังจากติดท็อป 500 โดยเกณฑ์ท็อป 500 จะมีการตรวจสอบทุกวันเวลา 00:20 UTC ซึ่งโดยปกติคะแนนขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นวันละ 50-100 RP
การแบ่งระดับย่อยของแรงก์ Ace

ระดับ Ace (4200+ RP) จะใช้ระบบการสะสมดาว กลไกการรีเซ็ตใน Season 25 มีดังนี้:
- Ace 6 ดาวขึ้นไป → Platinum I (2400-2600 RP)
- Ace 1-6 ดาว → Platinum II
ระดับย่อยทั้งหมดของ Ace จะตกลงไปที่ Platinum ไม่ว่าจะมีคะแนนเท่าใดก็ตาม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากซีซันก่อนๆ ที่เคยมีการรีเซ็ตไปที่ Diamond
การรีเซ็ตจาก Crown ถึง Bronze
- Crown I → Platinum III
- Crown II-III → Platinum IV
- Crown IV-V → Platinum V
- Diamond → Gold
- Platinum → Silver
- Bronze/Silver → ลดลงเล็กน้อย (1-2 ระดับย่อย)
ระบบการลดระดับแบบขั้นบันไดนี้ช่วยรักษาการแบ่งแยกตามระดับทักษะ ในขณะเดียวกันก็บีบอัดแรงก์ในระดับ Platinum ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เล่นระดับ Ace, Crown และ Diamond ระดับสูงจะมาบรรจบกัน
สูตรการคำนวณคะแนนแรงก์
การรีเซ็ตจะเป็นไปตามตารางการแปลงค่าที่กำหนดไว้ ไม่ใช่การลดตามเปอร์เซ็นต์ แต่ละระดับจะมีแรงก์เป้าหมายที่เจาะจง ไม่ว่าคุณจะมีคะแนนเกินเกณฑ์ขั้นต่ำไปเท่าใดก็ตาม เช่น ผู้เล่นที่มี 4200 RP (Ace ขั้นต่ำ) และ 5500 RP (Ace ระดับสูง) ทั้งคู่จะถูกรีเซ็ตไปที่ Platinum II หากยังอยู่ในช่วง Ace 1-6 ดาว
ปัจจัยที่มีผลต่อแรงก์หลังการรีเซ็ต
- ระดับแรงก์สุดท้ายที่ทำได้ - เป็นตัวกำหนดสูตรการแปลงค่า
- ระดับย่อยภายในแรงก์ - เช่น Ace 6 ดาวขึ้นไป กับ Ace 3 ดาว จะได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน
- โหมดการเล่น - Solo, Duo และ Squad จะรีเซ็ตแยกกัน
คะแนน RP รวมที่เกินจากเกณฑ์ขั้นต่ำของระดับนั้นๆ จะไม่มีผลต่อผลลัพธ์การรีเซ็ตหากยังอยู่ในระดับย่อยเดียวกัน
ผลกระทบจากผลงานในซีซันก่อนหน้า
แม้ว่าจะไม่มีผลต่อสูตรการรีเซ็ต แต่ผลงานในอดีตจะมีผลต่อความเร็วในการกู้คืนแรงก์ อดีตผู้เล่น Conqueror มักจะกลับขึ้นไปถึง Crown ได้ภายใน 15-25 แมตช์ และถึง Ace ในจำนวนแมตช์ที่ใกล้เคียงกัน จากนั้นจึงค่อยเน้นการไต่ขึ้นสู่ Conqueror ต่อไป
กลไกการคุ้มครองแรงก์ (Tier Protection)
บัตรคุ้มครองแรงก์จะไม่ทำงานในช่วงการรีเซ็ตซีซัน เนื่องจากการรีเซ็ตเกิดขึ้นในระดับเซิร์ฟเวอร์พร้อมกันทั่วโลก อย่างไรก็ตาม บัตรคุ้มครองเหล่านี้จะมีค่ามากหลังจากรีเซ็ตแล้วในช่วงที่กำลังไต่แรงก์ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงก์ลดลงในช่วงต้นซีซันที่การแข่งขันมีความผันผวนสูง
กลยุทธ์หลังรีเซ็ต: เส้นทางสู่ Conqueror ที่เร็วที่สุด
72 ชั่วโมงแรกหลังเปิดซีซันคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด การกระจายตัวของผู้เล่นจะหนาแน่นที่สุด ซึ่งสร้างทั้งความท้าทายและโอกาสในการเลื่อนระดับอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาวิกฤต 72 ชั่วโมงแรก
ควรเริ่มเล่นโหมดจัดอันดับทันที การรอไม่ได้ช่วยรักษาแรงก์ แต่จะทำให้ผู้เล่นที่มีฝีมือคนอื่นแซงหน้าคุณไปก่อน
แนวทางที่เหมาะสม:
- เล่นให้ครบ 5-10 แมตช์ต่อวัน ในช่วงสามวันแรก
- เน้นการเอาชีวิตรอด/อันดับ มากกว่าการเก็บคิล เพราะการคำนวณคะแนนช่วงต้นซีซันจะให้รางวัลกับเวลาในการเอาชีวิตรอดสูงมาก
- เล่นในช่วงเวลาที่มีคนเล่นเยอะ เพื่อให้ระบบจับคู่เข้าแมตช์ได้กว้างขึ้น
- รักษาทีมเดิมไว้ เพื่อความได้เปรียบในการประสานงาน
การเลือกโหมดการเล่นที่เหมาะสม
โหมด Squad: เป็นโหมดที่กู้คืนแรงก์ได้เร็วที่สุดสำหรับผู้เล่นที่มีฝีมือ ทีมที่มีการประสานงานดีจะสามารถติด Top 10 ได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับคะแนน RP และยังช่วยให้สามารถชุบชีวิตหรือสนับสนุนกันได้ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผิดพลาดส่วนบุคคล
โหมด Solo: เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีทักษะเฉพาะตัวสูงและเก่งในการดวล 1v1 การจบแมตช์ที่เร็วกว่าช่วยให้เล่นได้หลายแมตช์ต่อรอบการเล่น แต่ข้อเสียคือมีความผันผวนสูง ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้จบเกมทันทีโดยไม่มีคนช่วยชุบ
เติมเงิน PUBG Mobile UC ทั่วโลก ผ่าน BitTopup เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการจัดส่งที่รวดเร็วสำหรับสิทธิประโยชน์ของ Royale Pass
เคล็ดลับการจัดทีม Squad
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ:
- มีอดีตผู้เล่นระดับ Crown+ อย่างน้อย 2 คน ที่เข้าใจเรื่องการเลือกตำแหน่งและการเคลื่อนที่ขั้นสูง
- สไตล์การเล่นที่เกื้อหนุนกัน ผสมผสานระหว่างสายบุก (Fragger) และสายสนับสนุน (Support)
- การสื่อสารด้วยเสียง เพื่อการแจ้งข้อมูลที่แม่นยำ
- ตารางเวลาที่ตรงกัน เพื่อการฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการผสมผู้เล่นที่มีระดับทักษะต่างกันมากเกินไปในช่วงที่กำลังเน้นไต่แรงก์อย่างจริงจัง
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ทำให้ไต่แรงก์ช้า
- ลงในจุดยอดนิยม (Hot-drop) ท่ามกลางความวุ่นวายช่วงต้นซีซัน
- ปะทะโดยไม่จำเป็น เสี่ยงต่อการตกรอบเร็วเพื่อแลกกับคะแนน RP เพียงเล็กน้อย
- ฝืนเล่นต่อเมื่อหัวร้อน (Tilted) แทนที่จะพักเพื่อปรับสภาพจิตใจ
- ละเลยการเข้าวง เพราะมัวแต่ไล่ล่าคิล
- ใช้กลยุทธ์เดิมๆ โดยไม่ปรับตัวตาม Meta ของเกมที่เปลี่ยนไป
การติดอันดับ Top 10 อย่างสม่ำเสมอพร้อมยอดคิลพอประมาณ (3-5 คิลต่อแมตช์) จะช่วยกู้คืนแรงก์ได้เร็วกว่าการเล่นแบบเน้นคิลเยอะแต่ลำดับการจบเกมไม่แน่นอน
การบริหารจัดการทรัพยากรสำหรับ Season 25
การซื้อ UC ที่จำเป็น
Royale Pass: เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด สิทธิประโยชน์ประกอบด้วย:
- รางวัลภารกิจ RP ที่จะคืนค่า UC ให้
- สิทธิ์เข้าถึงกล่องพรีเมียม สำหรับสกินปืนที่มีศูนย์เล็ง (Iron Sights) ดีขึ้น
- บัตรคุ้มครองแรงก์ ตลอดการไต่ระดับ
- บัตรกำนัล UC สำหรับการซื้อเชิงกลยุทธ์อื่นๆ
บัตรสร้างห้อง (Room cards) ช่วยให้สามารถฝึกซ้อมในแมตช์ส่วนตัวเพื่อฝึกการคุมตำแหน่งในวงสุดท้าย, การป้องกันบ้าน และการเคลื่อนที่ด้วยยานพาหนะ
สิทธิประโยชน์ของ Royale Pass
Royale Pass A17 มีระบบความคืบหน้าที่ช่วยเสริมการไต่แรงก์ ภารกิจ RP รายวัน/รายสัปดาห์จะช่วยสร้างรางวัลในช่วงที่พักจากการเล่นจัดอันดับ รวมถึงมีบัตรคุ้มครองแรงก์ที่ช่วยในการกู้คืนแรงก์อีกด้วย
Elite Pass Plus จะมอบรางวัลระดับสูงให้ทันทีและเร่งความคืบหน้าเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันเร็วขึ้น
ทำไมต้องใช้ BitTopup สำหรับ Season 25
ข้อดีของ BitTopup:
- ราคาประหยัด บ่อยครั้งที่ถูกกว่าช่องทางทางการ
- จัดส่งทันที สำหรับการซื้อที่ต้องการความรวดเร็ว
- ธุรกรรมปลอดภัย พร้อมระบบคุ้มครองการชำระเงิน
- ครอบคลุมหลายเกม ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเกมเมอร์
- คะแนนรีวิวจากผู้ใช้สูง สะท้อนถึงคุณภาพที่สม่ำเสมอ
เตรียมสำรอง UC ผ่าน BitTopup ก่อนเริ่มซีซัน เพื่อซื้อ Royale Pass และไอเทมจำเป็นได้ทันที
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญระดับ Conqueror
ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เล่นโปร
ผู้เล่นระดับอีลิทมองว่าการรีเซ็ตคือโอกาสในการขัดเกลาพื้นฐานและทดลองฝีมือกับคู่ต่อสู้ที่หลากหลาย พวกเขามักจะบันทึกผลงานเพื่อติดตามค่าต่างๆ ดังนี้:
- ความเสียหายเฉลี่ยต่อแมตช์ - ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการต่อสู้
- เปอร์เซ็นต์เวลาการเอาชีวิตรอด - คุณภาพของการเลือกตำแหน่งและการเคลื่อนที่
- อัตราส่วน Kill-to-Death (K/D) ในแต่ละช่วงของแมตช์
- คะแนน RP ที่ได้รับต่อชั่วโมง - ประสิทธิภาพของรอบการเล่น
ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมเพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์
ตัวเลขที่สำคัญ
เวลาการเอาชีวิตรอดและความเสียหายเฉลี่ย มักจะทำนายการเลื่อนแรงก์ได้ดีกว่าอัตราส่วน K/D ผู้เล่นที่มี K/D 3.0 แต่ตายไวบ่อยครั้ง จะได้คะแนน RP ช้ากว่าผู้เล่นที่มี K/D 2.0 แต่ติด Top 10 อย่างสม่ำเสมอ
สมดุลที่เหมาะสมสำหรับการกู้คืนแรงก์อย่างรวดเร็ว:
- เวลาการเอาชีวิตรอด: ติด Top 10 ใน 70% ของแมตช์ที่เล่น
- ความเสียหายเฉลี่ย: 400-600+ ต่อแมตช์
- อัตราส่วน K/D: 2.0+ โดยเน้นการปะทะที่มีคุณภาพ
สภาพจิตใจ
ความแข็งแกร่งทางจิตใจมีผลต่อความเร็วในการกู้คืนแรงก์ การแข่งขันที่เข้มข้นในช่วงต้นซีซันอาจทำให้ผู้เล่นเก่งๆ เจอความพ่ายแพ้ที่น่าหงุดหงิดได้
กลยุทธ์ที่ได้ผล:
- ตั้งเป้าหมายที่กระบวนการ (เช่น วันนี้จะเล่น 10 แมตช์) แทนที่จะตั้งเป้าที่ผลลัพธ์ (เช่น วันนี้ต้องถึง Crown)
- พักเบรกหลังจากแพ้ติดต่อกันสองครั้ง เพื่อป้องกันอาการหัวร้อน
- ทบทวนการตายอย่างเป็นกลาง เพื่อหาข้อผิดพลาดที่แก้ไขได้
- ยินดีกับความคืบหน้าเล็กๆ น้อยๆ แทนที่จะจดจ่ออยู่กับระยะห่างของแรงก์
ผลงานที่สม่ำเสมอใน 20-30 แมตช์ จะช่วยให้คุณกู้คืนแรงก์กลับมาได้อย่างแน่นอน
เมื่อไหร่ควรบุก และเมื่อไหร่ควรเล่นเซฟ
ควรบุกเมื่อ:
- ได้เปรียบเรื่องชัยภูมิ (ที่สูง, มีที่กำบัง, อยู่ในวง)
- ทีมศัตรูอ่อนแอลงหรือกำลังเสียสมาธิ
- ติด Top 20 แล้วและมีคิลเพียงพอสำหรับคะแนน RP สูงสุด
- มีคะแนน RP สะสมมากพอที่จะรับความเสี่ยงได้
ควรเล่นเซฟเมื่อ:
- ใกล้จะถึงจุดเปลี่ยนระดับแรงก์ (Promotion threshold)
- ตำแหน่งในวงไม่แน่นอนหรือเสียเปรียบ
- ทีมขาดทรัพยากร (ยา, กระสุน)
- มีหลายทีมอยู่ในวงแคบๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการโดนแจม (Third-party)
การลดลงของแรงก์และข้อกำหนดในการรักษาระดับ
อัตราการลดลงรายวันตามระดับแรงก์

การลดลงของคะแนน (Decay) จะเริ่มทำงานหลังจากไม่มีการเล่นในโหมดนั้นๆ เป็นเวลา 7 วัน:
- Bronze/Silver: 2 RP/วัน
- Gold: 3 RP/วัน
- Platinum: 4 RP/วัน
- Diamond: 5 RP/วัน
- Crown/Ace: 7 RP/วัน
ระดับ Conqueror ก็มีการลดลง 7 RP ต่อวันเช่นกัน ซึ่งคะแนน 70 RP ใน 10 วันอาจทำให้ผู้เล่น Conqueror ที่อยู่อันดับท้ายๆ (#480-500) หลุดจากท็อป 500 ได้
วิธีป้องกันแรงก์ลด
การเล่นโหมดจัดอันดับอย่างน้อยหนึ่งแมตช์ต่อสัปดาห์ในแต่ละโหมดจะช่วยป้องกันการลดลงของคะแนนได้ การรักษาระดับแรงก์ทั้ง Solo, Duo และ Squad จึงต้องเล่นอย่างน้อยสัปดาห์ละสามแมตช์
ผู้เล่นที่มีกลยุทธ์มักจะเล่นแมตช์รักษาระดับในวันธรรมดาที่มีเวลาน้อย และเก็บวันหยุดไว้สำหรับการไต่แรงก์อย่างจริงจัง
ความแตกต่างของเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละภูมิภาค
เกณฑ์คะแนน Conqueror ของแต่ละเซิร์ฟเวอร์
เกณฑ์คะแนนสำหรับท็อป 500 Conqueror จะแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและโหมด เซิร์ฟเวอร์เอเชีย (Asia) มักต้องการคะแนนสูงสุดเนื่องจากมีจำนวนผู้เล่นมหาศาลและการแข่งขันที่ดุเดือด ส่วนอเมริกาเหนือ (North America) และยุโรป (Europe) มักจะมีเกณฑ์คะแนนที่ต่ำกว่า
การย้ายเซิร์ฟเวอร์ต้องคำนึงถึงเรื่องความหน่วง (Latency) ด้วย ผู้เล่นที่มีค่า Ping 150+ ms จะเสียเปรียบในการต่อสู้ระยะประชิด ซึ่งอาจไม่คุ้มกับเกณฑ์คะแนนที่ต่ำกว่า
การเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับผู้เล่นที่มีค่า Latency <80ms ในหลายเซิร์ฟเวอร์ ให้พิจารณาจาก:
- ช่วงเวลาที่มีคนเล่นเยอะ ตรงกับตารางเวลาของคุณหรือไม่
- อุปสรรคด้านภาษา ที่ส่งผลต่อการประสานงานในทีม
- ความแตกต่างของ Meta และสไตล์การเล่นในแต่ละภูมิภาค
- แนวโน้มเกณฑ์คะแนน Conqueror จากซีซันก่อนๆ
ผู้เล่นส่วนใหญ่จะทำผลงานได้ดีที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ท้องถิ่นของตนเอง แม้จะมีเกณฑ์คะแนนที่สูงกว่าก็ตาม เพราะความได้เปรียบเรื่องความหน่วงและความคุ้นเคยทางวัฒนธรรมนั้นสำคัญกว่าตัวเลขเกณฑ์คะแนนเพียงอย่างเดียว
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ใน Season 25 ผู้เล่นระดับ Conqueror จะถูกลดไปอยู่ที่แรงก์ไหน?
Conqueror จะถูกรีเซ็ตไปที่ Platinum I หรือ II ตามกฎการแปลงค่าของ Ace สถานะท็อป 500 ไม่ได้ช่วยคุ้มครองการรีเซ็ตเป็นพิเศษ การรีเซ็ตจะใช้เกณฑ์เดียวกันตามช่วงคะแนน RP
Cycle 8 Season 25 จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ในเดือนมกราคม 2026?
Season 25 จะเริ่มประมาณวันที่ 13-15 มกราคม 2026 หลังจาก Royale Pass A16 สิ้นสุดในวันที่ 10 มกราคม วันที่แน่นอนจะมีการยืนยันผ่านประกาศทางการอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงเวลา
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการกลับไปเป็น Conqueror หลังรีเซ็ต Season 25?
อดีตผู้เล่น Conqueror มักใช้เวลา 15-25 แมตช์เพื่อกลับไปที่ Crown จาก Platinum และอีก 20-40 แมตช์จาก Crown ไป Conqueror รวมแล้วประมาณ 35-65 แมตช์หากทำผลงานได้สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถทำได้ภายใน 7-10 วันหากตั้งใจเล่น
Ace Dominator จะถูกลดไปที่ Crown หรือ Diamond หลังรีเซ็ต?
ระดับย่อยทั้งหมดของ Ace (Dominator, Master, Painkiller) จะถูกรีเซ็ตไปที่ Platinum โดย Ace 6 ดาวขึ้นไปจะไปที่ Platinum I และ Ace 1-6 ดาวจะไปที่ Platinum II
สามารถเก็บฉายา Conqueror ไว้หลังรีเซ็ตแรงก์ได้หรือไม่?
ไม่ได้ แรงก์ Conqueror จะถูกรีเซ็ตทั้งหมด หากต้องการได้คืนมา คุณต้องติดท็อป 500 ของภูมิภาค/โหมดนั้นๆ และเล่นให้ครบ 5 แมตช์เพื่อรับกรอบ กระดานผู้นำจะอัปเดตทุกวันเวลา 00:20 UTC และเกณฑ์คะแนนมักจะเพิ่มขึ้นวันละ 50-100 RP
ระบบคุ้มครองแรงก์ทำงานอย่างไรหลังการรีเซ็ต Season 25?
บัตรคุ้มครองแรงก์ไม่สามารถป้องกันการรีเซ็ตประจำซีซันได้ ผู้เล่นทุกคนจะถูกลดระดับเหมือนกันหมด แต่บัตรเหล่านี้จะมีประโยชน์มากหลังจากรีเซ็ตแล้วเพื่อใช้ในการไต่แรงก์ ป้องกันการเสียคะแนน RP จากแมตช์ที่เล่นพลาดในช่วงต้นซีซันที่ดุเดือด
พร้อมที่จะเป็นผู้นำใน Season 25 ตั้งแต่วันแรกแล้วหรือยัง? เติม UC ได้ทันทีที่ BitTopup พร้อมส่วนลดสุดพิเศษและการจัดส่งที่รวดเร็ว รับ Royale Pass, กล่องพรีเมียม และไอเทมจำเป็นเพื่อเร่งการไต่แรงก์กลับสู่ Conqueror ของคุณ แวะไปที่ BitTopup ตอนนี้เพื่อดีล PUBG Mobile ที่ดีที่สุด


















