ทำความเข้าใจระบบคะแนน Peak Points
คะแนน Peak Points คือมาตรวัดผลงานการเล่นในเชิงการแข่งขันที่สม่ำเสมอ ทั้งในส่วนของฮีโร่และการแข่งขัน ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากดาวในโหมดจัดอันดับ (Ranked Stars) โดยจำนวนดาวจะบ่งบอกถึงระดับแรงก์ (Tier) แต่คะแนน Peak Points จะเป็นตัวกำหนดอันดับในตารางจัดอันดับระดับจังหวัด (Provincial Ranking)
Peak Points vs Ranked Stars: ความแตกต่างที่สำคัญ
Peak Points ทำหน้าที่เป็นเรตติ้งที่ถ่วงน้ำหนักตามผลงานการเล่น หากโอกาสชนะอยู่ที่ 50% คะแนนจะบวกหรือลบประมาณ 12-15 แต้มต่อแมตช์ การชนะด้วยผลงานระดับ SSS จะได้รับคะแนน +14 แต้ม ในขณะที่การแพ้ด้วยระดับ SSS จะเสียคะแนนเพียง -11 แต้มเท่านั้น ซึ่งถือเป็นตัวคูณปรับเปลี่ยนตามผลงานที่ 15-25%
ในขณะที่ดาวในโหมดจัดอันดับจะขึ้นอยู่กับผลแพ้ชนะแบบสองทางพร้อมระบบบัตรป้องกัน คุณสามารถปั๊มดาวได้ด้วยอัตราการชนะ (Win Rate) เพียง 51% แต่ Peak Points ต้องการความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่องผ่านปัจจัยดังนี้:
- การประเมินผลงานของฮีโร่ในช่วง 20 เกมล่าสุด
- กลไก K-factor (15-20 หรือ 25-30 ตามระดับแรงก์)
- ตัวคูณปรับเปลี่ยนตามระดับผลงาน (ส่งผลกระทบ 15-25%)
โบนัสการชนะต่อเนื่อง (Streak) ช่วยเพิ่มความลึกให้กับระบบ:
- ชนะติดต่อกัน 2 ครั้ง: +1 คะแนน Peak
- ชนะติดต่อกัน 3 ครั้ง: +2 คะแนน
- ชนะติดต่อกัน 4 ครั้งขึ้นไป: +3 คะแนน
- การแพ้ต่อเนื่องจะถูกจำกัดการหักคะแนนสูงสุดที่ -2 คะแนน
การแสดงผล Peak Points และโปรไฟล์
ส่วน Peak Tournament จะแสดงคะแนนปัจจุบันและประวัติการแข่ง ส่วนกระดานเกียรติยศ (Honor Board) (ใช้ 50 ไดมอนด์) จะแสดงอันดับระดับจังหวัดและการเปรียบเทียบพลัง Peak Performance Power
ผู้เล่นระดับท็อปของจังหวัดมักจะมีคะแนนเกิน 1800-2000 แต้ม พลังฮีโร่ (Hero Power) จะคำนวณผ่านสูตร: พลังเลน (Lane Power) = พลังฮีโร่หลัก (ผลรวมของ 5 อันดับแรก) + พลังฮีโร่ที่ชำนาญ (อันดับที่ 6-10 × 0.2)
การจะได้รับตราสัญลักษณ์ระดับจังหวัดต้องมีแรงก์ขั้นต่ำที่ Eternal Diamond พร้อมเงื่อนไขเพิ่มเติม:
- คุณสมบัติพื้นฐาน: เล่นโหมดจัดอันดับ 50-100 แมตช์ภายใน 30 วัน
- ระดับที่สูงขึ้น: 200-500 แมตช์
- Mythic: 25 ดาว
- Epic: 50 ดาว
- Legend: 100 ดาว
การจัดอันดับระดับจังหวัด: ความสำคัญของ Peak Points
การจัดอันดับจะให้น้ำหนักกับคะแนน Peak Tournament (40-50%), พลังฮีโร่ (30-40%) และผลงานล่าสุด (10-20%) ผู้เล่นที่มีแรงก์ Mythic 25 ดาวแต่มีคะแนน Peak Points ปานกลาง จะมีอันดับต่ำกว่าผู้ที่มีดาวน้อยกว่าแต่มีผลงาน Peak Performance ที่เหนือกว่า

ข้อกำหนดสำหรับระดับท็อป:
- อันดับ 5-10: อัตราการชนะ 65%, KDA 5.0 ขึ้นไป
- อันดับ 20-30: อัตราการชนะ 58-62%, KDA 4.0 ขึ้นไป
- อันดับ 50: อัตราการชนะ 55-58%, KDA 3.5 ขึ้นไป
การระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
พิกัด GPS จะเป็นตัวกำหนดจังหวัด (หากไม่มีจะใช้ IP แทน) เพื่อป้องกันการใช้ VPN บิดเบือนตำแหน่ง ภูมิภาคประกอบด้วย: อเมริกา, ยุโรป, MENA, แปซิฟิก, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ฮ่องกง/มาเก๊า/จีนไทเป
การกระจายน้ำหนักของอัลกอริทึม
ตัวคูณระดับผลงานจะสร้างการปรับเปลี่ยนคะแนนแบบละเอียด:
- โอกาสชนะ 35%: ชนะ +18-22, แพ้ -8-10
- โอกาสชนะ 40%: ชนะ +17-20, แพ้ -10-12
- โอกาสชนะ 50%: ±12-15 คะแนน
การจัดเกรดพลังฮีโร่จะใช้เฉพาะแมตช์จัดอันดับเท่านั้น ฮีโร่ที่เล่นน้อยกว่า 5 เกมในช่วง 2 ซีซันล่าสุดจะถูกจัดค่าเริ่มต้นไปที่เลนที่กำหนด
สูตรการคำนวณ Peak Points
สูตรพื้นฐาน: ผลการแข่งขัน × % โอกาสชนะ + ตัวคูณระดับผลงาน + โบนัสชนะต่อเนื่อง + การปรับค่า K-factor
โครงสร้างคะแนนพื้นฐาน
ระดับโอกาสชนะ:
- 50%: ±12-15 คะแนน
- 40%: ชนะ +17-20, แพ้ -10-12
- 35%: ชนะ +18-22, แพ้ -8-10
ระดับ SSS ช่วยลดการเสียคะแนน 20-30% และเพิ่มคะแนนเมื่อชนะ 15-20% การแพ้ในเกมที่สู้ได้อย่างสูสีกับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าด้วยระดับ SSS จะเสียเพียง -8 คะแนน ส่วนการชนะแบบมีคนแบก (Carried) ในขณะที่เจอกับคู่ต่อสู้ที่อ่อนกว่าด้วยระดับ C จะได้เพียง +10 คะแนน
ผลกระทบของความชำนาญฮีโร่
พลังเลน (Lane Power) เป็นตัวกำหนดสถานะการแข่งขันในแต่ละบทบาท พลังของฮีโร่ 5 อันดับแรก + 20% ของอันดับที่ 6-10 ทำให้ผู้เล่นจำเป็นต้องมีความสามารถที่หลากหลาย ฮีโร่ที่เล่นน้อยกว่า 5 เกมใน 2 ซีซันจะถูกจัดค่าเริ่มต้นไปที่เลนที่กำหนด เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากการสลับบทบาท
Peak Performance Power จะช่วยเพิ่มพลังฮีโร่ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการจับคู่การแข่งขัน (Matchmaking) และสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บคะแนน
โบนัสตามระดับแรงก์
แรงก์ระดับสูงจะใช้ค่า K-factors ที่ 25-30 เทียบกับระดับล่างที่ 15-20 ทำให้มีการแกว่งของคะแนนที่มากกว่า แรงก์ขั้นต่ำ Eternal Diamond สำหรับตราจังหวัดช่วยให้มั่นใจว่าผู้เล่นมีทักษะพื้นฐานที่เพียงพอ
อันดับสูงสุดในซีซันจะเป็นตัวกำหนดรางวัล โดยจะนับจากอันดับสูงสุดที่เคยทำได้ ไม่ใช่อันดับปัจจุบัน
MVP และคะแนนผลงาน
ระดับ SSS จะให้โบนัสการชนะสูงสุด 15-20% และลดการเสียคะแนน 20-30% การประเมินจะพิจารณาจาก:
- ความเสียหายที่ทำได้/ได้รับ
- ประสิทธิภาพการเก็บทอง
- การมีส่วนร่วมกับเป้าหมาย (Objective)
- การควบคุมวิสัยทัศน์ (Vision)
- การมีส่วนร่วมในทีมไฟต์
หน้าต่างการคำนวณแบบย้อนหลัง 20 เกมจะช่วยสะสมผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานที่สูงขึ้นสำหรับการคำนวณโอกาสชนะ
ส่วนประกอบของพลังฮีโร่ (Hero Power)
พลังฮีโร่ = พลังฮีโร่หลัก (ฮีโร่ 5 อันดับแรก) + พลังฮีโร่ที่ชำนาญ (อันดับที่ 6-10 คิดน้ำหนัก 20%) พลังเลนจะรวมผลงานในแต่ละบทบาท: Clash Lane, Farm Lane, Mid Lane, Jungle, Roamer

Combat Power vs Hero Power
Combat Power วัดความก้าวหน้าของบัญชี (ฮีโร่, สกิน, ความสำเร็จ) ซึ่งเป็นตัวเลขเพื่อความสวยงามและมีผลต่อการแข่งขันน้อยมาก ส่วน Hero Power ต้องใช้ผลงานจากการแข่งจัดอันดับ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออันดับระดับจังหวัด
Peak Performance Power จะช่วยเพิ่มระดับ Hero Power ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงหลักระหว่างผลงานในแมตช์และสถานะการแข่งขันในระยะยาว
ผลกระทบจากประวัติการแข่ง
หน้าต่างย้อนหลัง 20 เกมทำให้ Hero Power มีความยืดหยุ่นตามฟอร์มการเล่นปัจจุบัน แมตช์ล่าสุดจะมีน้ำหนักเท่ากัน การชนะต่อเนื่อง 5 เกมจะช่วยเพิ่มพลังฮีโร่อย่างมาก ในขณะที่ช่วงที่ฟอร์มตกจะทำให้พลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ต้องเล่นอย่างน้อย 5 เกมขึ้นไปในช่วง 2 ซีซันล่าสุดก่อนที่จะนำมาคิดในพลังเลน เพื่อบังคับให้มีการพัฒนาทักษะจริงจังผ่านการเล่นหลายแมตช์
ข้อกำหนดอัตราการชนะและ KDA
เกณฑ์มาตรฐานสำหรับอันดับจังหวัด:
- อันดับ 5-10: อัตราการชนะ 65%, KDA 5.0+, คะแนน Peak 1800+
- อันดับ 20-30: อัตราการชนะ 58-62%, KDA 4.0+, คะแนน Peak 1650-1750
- อันดับ 50: อัตราการชนะ 55-58%, KDA 3.5+, คะแนน Peak 1550-1650
- อันดับ 100: อัตราการชนะ 52-55%, KDA 3.0+, คะแนน Peak 1500-1550
การลดลงของคะแนน Peak Points
การลดลงในระดับ Grandmaster: เสีย 1 ดาวหลังจากไม่เล่น 7 วัน และจะลดลงต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าอันดับสะท้อนถึงผู้เล่นที่ยังคงเล่นอยู่จริง
ผลกระทบจากการหยุดเล่น
อันดับจังหวัดจะอัปเดตอย่างต่อเนื่อง การหยุดเล่นเพียงหนึ่งสัปดาห์อาจทำให้อันดับร่วงลง 10-20 อันดับในจังหวัดที่มีการแข่งขันสูง จำเป็นต้องเล่น 50-100 แมตช์ภายใน 30 วันเพื่อคงสิทธิ์รับตราสัญลักษณ์ หากน้อยกว่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ว่าจะมีคะแนน Peak Points เท่าใดก็ตาม
ตราสัญลักษณ์ระดับสูงต้องการการเล่น 200-500 แมตช์ต่อเดือน หากคิดที่ 20 นาทีต่อแมตช์ 200 เกมจะเท่ากับ 66+ ชั่วโมงต่อเดือน (มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน)
กลยุทธ์การรักษาอันดับ
ทำตามเงื่อนไขรายสัปดาห์ให้ครบก่อนหยุดพัก เน้นเล่นแชมเปียนที่มี Hero Power สูงสุดเพื่อประสิทธิภาพของคะแนน ระบบการชนะต่อเนื่องจะให้รางวัลแก่การเล่นที่จดจ่อ:
- การเล่นแบบมีสมาธิ 5 แมตช์พร้อมเกรดสูง > การเล่นแบบเสียสมาธิ 10 เกมพร้อมผลงานปานกลาง
รักษาฮีโร่หลักไว้ 3-5 ตัว สูตรพลังฮีโร่หลักหมายความว่าฮีโร่อันดับที่ 6-10 จะช่วยเพิ่มมูลค่าได้เพียง 20% เท่านั้น
เกณฑ์อันดับจังหวัด
กระดานเกียรติยศ (Honor Board) (50 ไดมอนด์) จะแสดงอันดับอย่างละเอียด คุณสามารถติดตามตำแหน่งและเปรียบเทียบสถิติกับคู่แข่งในภูมิภาคได้

อันดับจังหวัด vs อันดับเซิร์ฟเวอร์
อันดับจังหวัดจะจัดกลุ่มผู้เล่นตามภูมิศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เกิดกลุ่มการแข่งขันที่ใหญ่ขึ้น อันดับท็อป 10 ของเซิร์ฟเวอร์อาจเท่ากับอันดับท็อป 100 ของจังหวัด
การให้ความสำคัญกับ GPS และใช้ IP สำรองช่วยป้องกันการใช้ VPN อันดับจังหวัดจะสะท้อนถึงตำแหน่งที่อยู่จริงของผู้เล่น
ความแตกต่างของการแข่งขันในแต่ละภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: มีการแข่งขันดุเดือดที่สุดและมีเกณฑ์คะแนน Peak Point สูงสุด ส่วน MENA/แปซิฟิก อยู่ในระดับปานกลาง ฮ่องกง/มาเก๊า/จีนไทเป มีความเข้มข้นของทักษะสูงแม้จะมีจำนวนผู้เล่นน้อยกว่า
ควรศึกษาจากสถิติท็อป 100 ปัจจุบันผ่านกระดานเกียรติยศเพื่อระบุเกณฑ์คะแนน Peak Point และ Hero Power สำหรับอันดับที่คุณตั้งเป้าไว้
กลยุทธ์การเพิ่ม Peak Points ให้สูงสุด
ตัวคูณระดับผลงาน (15-25%) หมายความว่า "วิธีการชนะ" สำคัญพอๆ กับ "การชนะ" การเล่นแบบแบกทีมจะให้คะแนนที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ฮีโร่ที่ดีที่สุดสำหรับเก็บ Peak Points
จัดลำดับความสำคัญของแชมเปียนที่มี:
- เพดานความเสียหายสูง
- ศักยภาพในการสร้างจังหวะ (Playmaking)
- ทำ KDA 5.0+ ได้ง่าย
- ศักยภาพในการแบกเกมคนเดียว (Solo carry)
ตำแหน่ง Jungle และ Mid Lane มักจะได้รับสถานะ MVP ได้ง่ายกว่าผ่านการคุมพื้นที่กลางแผนที่และการทำความเสียหาย
โหมดเกมที่เหมาะสมที่สุด
โหมดจัดอันดับ (Ranked) เท่านั้นที่ส่งผลต่อ Peak Points และ Hero Power ส่วน Peak Tournament (เมื่อเปิดให้เล่น) จะให้คะแนนโดยตรงที่สุด โดยเริ่มที่ฐาน 1500 พร้อมการแกว่ง ±12-15 แต้มที่โอกาสชนะ 50%
หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีคนเล่นน้อยเพราะระบบจับคู่จะแย่ลง ควรจัดตารางการเล่นโหมดจัดอันดับในช่วงเย็นเพื่อให้มีจำนวนผู้เล่นและคุณภาพแมตช์สูงสุด
กิจวัตรประจำวัน
ผู้เล่นสายไต่แรงก์ควรปฏิบัติ ดังนี้:
- เล่นโหมดปกติ 1-2 แมตช์เพื่อวอร์มอัพ
- เล่นโหมดจัดอันดับแบบเน้นๆ 5-8 เกมด้วยตัวเมนในช่วงเวลาที่มีคนเล่นเยอะ
- เล่น 150-240 แมตช์ต่อเดือนเพื่อให้ครบตามข้อกำหนด 200-500 เกม
หยุดเล่นทันทีหลังจากแพ้ติดต่อกัน 2 ครั้ง เพื่อป้องกันอาการหัวร้อน (Tilt) และใช้ประโยชน์จากเพดานการหักคะแนน Peak -2 แต้มโดยหลีกเลี่ยงการแพ้ต่อเนื่องยาวๆ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
เล่นฮีโร่มากเกินไป: ทำให้ Hero Power กระจายตัว ควรเน้นแมตช์จัดอันดับไปที่ฮีโร่ที่มีศักยภาพสูงสุด 3-5 ตัว
ละเลยระดับผลงาน: อัตราการชนะ 55% พร้อมเกรด SSS จะไต่อันดับได้เร็วกว่าอัตราการชนะ 60% พร้อมเกรด C เนื่องจากตัวคูณ 15-25%
ฝืนเล่นต่อเมื่อแพ้ต่อเนื่อง: จะทำให้เสียคะแนนสะสมโดยไม่จำเป็น กฎเหล็กคือ: แพ้ 2 ครั้งติดให้เลิกเล่นรอบนั้นทันที
การจัดการเมื่อรีเซ็ตซีซัน
การรีเซ็ต MMR แบบ Soft Reset จะลดคะแนน Peak Tournament ลง 20-30% ในขณะที่ยังรักษาอันดับสัมพัทธ์ไว้ ผู้เล่นที่มี 1800 แต้มจะถูกรีเซ็ตไปที่ 1500-1600
การวางแผนรอบซีซัน
ต้นซีซัน (สัปดาห์ที่ 1-4): เป็นโอกาสที่ดีที่สุด การรีเซ็ตจะทำให้คะแนนบีบอัดกัน การทำผลงานได้ดีกับคู่ต่อสู้ที่คะแนนถูกลดลงชั่วคราวจะให้ผลตอบแทนสูงสุด
กลางซีซัน: การแข่งขันจะเริ่มคงที่สะท้อนถึงระดับทักษะที่แท้จริง เป็นช่วงประเมินสถานะการแข่งขันที่แม่นยำ
ปลายซีซัน: ช่วงเวลาเร่งด่วนสำหรับผู้เล่นที่ต้องการถึงเกณฑ์ ระบบรางวัลอันดับสูงสุดในซีซันหมายความว่าการไปถึงระดับที่ตั้งเป้าไว้เพียงชั่วขณะก็เพียงพอที่จะได้รับสิทธิประโยชน์
เคล็ดลับขั้นสูง
ผู้เล่นระดับอีลิทสร้างความแตกต่างด้วยประสิทธิภาพเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ชั่วโมงการเล่น คุณภาพของแมตช์—เกรดผลงาน, อัตราการชนะ, KDA—คือตัวกำหนดตำแหน่งในอันดับ
ความเป็นจริงของการลงทุนด้านเวลา
- อันดับ 1-10: 250-400 แมตช์ต่อเดือน (80-130 ชั่วโมง, 2.5-4+ ชั่วโมงต่อวัน)
- อันดับ 1-50: 150-250 แมตช์ต่อเดือน (50-80 ชั่วโมง, 1.5-2.5 ชั่วโมงต่อวัน)
- อันดับ 1-100: 100-150 แมตช์ต่อเดือน (30-50 ชั่วโมง, 1-1.5 ชั่วโมงต่อวัน)
F2P vs สายเติม
สายฟรี (F2P) สามารถไปถึงอันดับท็อปได้ด้วยทักษะและเวลา เพราะ Peak Points ให้รางวัลตามผลงาน ไม่ใช่การซื้อของ ความท้าทายหลักคือการเข้าถึงฮีโร่ การมีฮีโร่จำกัดอาจทำให้แก้ทาง (Counter-pick) ได้ยาก ซึ่งอาจลดอัตราการชนะลง 3-5%
ควรเน้นไปที่การครอบครองฮีโร่ที่เก่งตามเมต้าและใช้งานได้หลายแพตช์ เตรียมทรัพยากรให้พร้อมเพื่อให้เล่นโหมดจัดอันดับได้อย่างไม่ติดขัด
เพื่อความต่อเนื่องของทรัพยากร คุณสามารถ เติมโทเคน Honor of Kings ผ่าน BitTopup—ธุรกรรมที่รวดเร็วและปลอดภัยช่วยให้คุณอยู่ในโหมดจัดอันดับได้โดยไม่สะดุด
กลยุทธ์ทางจิตวิทยา
ใช้การจัดการรอบการเล่นอย่างเคร่งครัด:
- กำหนดขีดจำกัดแมตช์ไว้ล่วงหน้า (5-8 เกม)
- หยุดเล่นทันทีหลังจากแพ้ติดต่อกัน 2 ครั้ง
- พักเบรกระหว่างรอบการเล่น
ติดตามเกรดผลงานในแต่ละรอบ หากค่าเฉลี่ยตกลงต่ำกว่าระดับ A แสดงว่าคุณกำลังเล่นด้วยอาการหัวร้อนหรือเหนื่อยล้า ให้หยุดก่อนที่เรตติ้งจะเสียหายหนัก
มองภาพรวมในระยะยาว วันที่แย่ซึ่งเสียคะแนน Peak ไป 30-40 แต้มจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแมตช์ทั้งหมด 200+ เกมต่อเดือน หากแนวโน้มโดยรวมยังคงเป็นบวก
การจัดการทรัพยากร
การไต่อันดับต้องมีทรัพยากรที่พร้อมเสมอ การที่บัตรจัดอันดับหมดกลางคันจะทำให้เสียจังหวะและเสียเวลาอันมีค่า
ไอเทมที่จำเป็น
บัตรจัดอันดับ (Ranked tickets): สำรองไว้ 20-30 ใบเพื่อให้เล่นได้ต่อเนื่องตลอดสัปดาห์
บัตรทดลองใช้ฮีโร่: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นตามเมต้าสำหรับสายฟรี ทำให้สามารถเลือกตัวแก้ทางได้โดยไม่ต้องซื้อถาวร ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอัตราการชนะได้ 3-5%
ตัวช่วยเพิ่มผลงาน (Performance boosters): เร่งความก้าวหน้าของบัญชี ลดเวลาการฟาร์ม และเพิ่มเวลาให้กับการเล่นโหมดจัดอันดับ
ข้อดีของ BitTopup
BitTopup ให้บริการ เติมโทเคน Honor of Kings ที่รวดเร็วและปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ต้องหยุดชะงักในระหว่างการไต่อันดับ ด้วยราคาที่แข่งขันได้และการส่งมอบทันที ช่วยให้คุณเข้าถึงการเล่นโหมดจัดอันดับได้อย่างไม่จำกัด
เมื่อคุณกำลังชนะต่อเนื่อง 5 เกมพร้อมโบนัส Streak +3 การที่บัตรหมดจะทำให้เสียจังหวะ การส่งมอบที่รวดเร็วของ BitTopup ช่วยให้คุณฉวยโอกาสในช่วงที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มคะแนน Peak Point ให้สูงสุดในช่วงเวลาที่ผลงานดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Peak Points คืออะไร? คือเรตติ้งทักษะการแข่งขันตามผลงานในโหมดจัดอันดับ เริ่มต้นที่ประมาณ 1500 แต้ม โดยจะบวกหรือลบ 12-15 แต้มที่โอกาสชนะ 50% เกรด SSS จะช่วยลดการเสียคะแนน 20-30% และเพิ่มคะแนนเมื่อชนะ 15-20%
Peak Points ต่างจาก Ranked Stars อย่างไร? ดาว (Stars) วัดความก้าวหน้าของแรงก์ผ่านผลแพ้ชนะแบบปกติ ส่วน Peak Points ประเมินคุณภาพผลงานผ่านเกรด, KDA และโอกาสชนะ ดาวสามารถปั๊มได้ด้วยอัตราการชนะ 51% แต่ Peak Points ต้องการความเป็นเลิศผ่านตัวคูณผลงาน 15-25%
ทำไม Peak Points ถึงสำคัญต่ออันดับจังหวัด? การจัดอันดับจะให้น้ำหนักกับ Peak Performance Power (40-50%) มากกว่าจำนวนดาว Peak Points ป้องกันการปั๊มอันดับด้วยจำนวนเกม และสะท้อนถึงทักษะที่แท้จริงได้อย่างแม่นยำ
พลังฮีโร่ (Hero Power) คำนวณอย่างไร? พลังเลน = พลังฮีโร่หลัก (ผลรวม 5 อันดับแรก) + พลังฮีโร่ที่ชำนาญ (อันดับที่ 6-10 × 0.2) ใช้เฉพาะแมตช์จัดอันดับเท่านั้น ฮีโร่ที่เล่นน้อยกว่า 5 เกมใน 2 ซีซันจะถูกจัดค่าเริ่มต้นไปที่เลนที่กำหนด
คะแนน Peak Points ลดลงได้หรือไม่? ได้ หากแพ้จะเสีย 12-15 แต้มที่โอกาสชนะ 50% หากแพ้ด้วยเกรด SSS จะเสียประมาณ -11 แต้ม (ลดลง 20-30%) การแพ้ต่อเนื่องจะถูกจำกัดการหักคะแนนสูงสุดที่ -2 แต้ม สำหรับระดับ Grandmaster หากไม่เล่น 7 วัน ดาวจะลดลง 1 ดวงและลดต่อเนื่องทุกสัปดาห์
วิธีเพิ่ม Peak Points ให้เร็วที่สุดคืออะไร? ทำเกรด SSS ให้ได้อย่างสม่ำเสมอด้วยฮีโร่หลัก 3-5 ตัวในช่วงเวลาที่มีคนเล่นเยอะ ตัวคูณผลงาน 15-25% + โบนัสชนะต่อเนื่อง (ชนะ 2 ครั้ง +1, 3 ครั้ง +2, 4 ครั้งขึ้นไป +3) คือวิธีที่ดีที่สุด เน้นฮีโร่ที่มี KDA 5.0+ และอัตราการชนะ 65%+
ไต่อันดับจังหวัดด้วยการเล่นที่สม่ำเสมอและทรัพยากรที่เหมาะสม รับคูปอง, โทเคน และไอเทมพิเศษได้ทันทีที่ BitTopup—ที่ไว้วางใจได้สำหรับการเติมเงินที่รวดเร็วและปลอดภัย เริ่มต้นการไต่อันดับของคุณวันนี้


















